วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

อำเภอ..เชียงแสน


สามเหลี่ยมทองคำ
         เป็นจุดบรรจบกันของ 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว พม่า ระหว่างลาว-พม่า มีแม่น้ำโขงกั้น ระหว่างไทย-พม่า มีแม่น้ำรวกกั้น จุดบรรจบกันของทั้งสามประเทศมีตะกอนทรายทับถามอยูกลางน้ำ จุดนี้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงาม วิวฝั่งลาวมีแต่ป่าไม่มีชุมชน ฝั่งพม่ามีอาคารหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ่อนคาสิโนที่นักลงทุนไทยไปทำไว้เพื่อความสร้างความเพลิดเพลินให้นักท่องเที่ยว ฝั่งลาวถัดไปทางด้านท้ายน้ำมีเกาะของลาวเกาะหนึ่งชื่อว่าเกาะดอนซาว นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวได้โดยเสียค่าขึ้นเกาะ 20 บาท บนเกาะเป็นแหล่งขายสินค้าปลอดภาษี ไม่น่าแวะขึ้นให้เสียเวลา นับแต่ปีท่องเที่ยวนี้เป็นต้นไป ( 2548 ) สามเหลี่ยมทองคำมีจุดท่องเที่ยวเพิ่มจากเดิมคือมีการสร้างพระพูทธรูปองค์ใหญ่อยู่บนเรือนาวา และสร้างตุงทองขนาดใหญ่ และสร้างอีกหลายเชือก และมีอนุเสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายด้วย นอกจากจุดนี้จะเป็นจุดชมวิวแล้วที่นี่ยังมีเรือหางยาวให้บริการพานักท่องเที่ยวนั่งเรือชมวิวสามประเทศ โดยเรือจะพาอ้อมเลาะฝั่งพม่า ขากลับเลาะริมฝั่งลาว แล้วพาวนไปชมวิวแถวเกาะดอนซาวของลาว สนใจติดต่อเรือให้บริการได้ที่ท่าเรือริมแม่น้ำโขง

*********************************************

 วัดพระธาตุเจดีย์หลวง    
       เป็นธรรมเนียมของการสร้างเมืองจะต้องมีเจดีย์ประจำเมือง เจดีย์หลวงคือเจดีย์ประจำเมืองเชียงแสนที่สร้างขึ้นมาในช่วงต้นของการสร้างเมืองเชียงแสน การสร้างนั้นสร้างตามหลักการสร้างวัดตามโบราณคือ มีเจดีย์ประธานอยู่กลาง มีเจดีย์รายล้อมรอบทั้ง 4 มุม และมีพระอุโบสถอยู่ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์
      เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ทรงระฆังฐานสูงแปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดของเมืองเชียงแสน ทัวร์ดอยพานักท่องเที่ยวไปสถานที่นี้อยู่บ่อยๆ เจดีย์หลวงสร้างราวปี พ.ศ.1887 ต่อมามีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เจดีย์องค์ปัจจุบันที่อยู่ในสภาพดีนั้นเป็นเจดีย์ที่ก่อขึ้นมาใหม่บนฐานเดิมเมื่อปี พ.ศ. 2058

*********************************************

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสน

         ตั้งอยู่ติดกับวัดเจดีย์หลวงทางด้านทิศตะวันตก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2500 เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุที่ขุดพบในบริเวณเมืองเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง และจัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีเกี่ยวกับการตั้งชุมชน นอกจากนี้ยังมีแบบจำลองการตั้งถิ่นฐานของชุมชนกลุ่มต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เชียงแสน



*********************************************



วัดพระธาตุจอมกิตติ
         เป็นพระธาตุเก่าแก่ที่สร้างมาก่อนที่จะสร้างเมืองเชียงแสน ตำนานการสร้างยังสับสนเรื่อง พ.ศ. พระธาตุองค์เดิมพระเจ้าพังคราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อบรรจุพระธาตุ ( พระธาตุที่ได้รับมาพร้อมกับพระธาตุที่บรรจุที่พระธาตุดอยตุง และพระธาตุดอยจอมทอง ) สร้างเมื่อ พ.ศ. 1483 ต่อมาในสมัยเชียงแสนพระธาตุได้ทรุดโทรม เจ้าเมืองเชียงแสนจึงได้สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2030 ซึ่งยังคงอยู่ถึงทุกวันนี้ แต่ว่าองค์พระธาตุเริ่มที่จะเอียงไปทางด้านทิศใต้แล้ว หวั่นว่าจะไม่คงไปอีกนาน

         องค์พระธาตุสร้างเป็นแบบทรงปราสาทยอดระฆัง หลังคารูปบัวคว่ำ ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส ถัดขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ย่อมุมเป็นเรือนธาตุ มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนปูนปั้นทั้งสี่ด้าน


*********************************************

 วัดป่าสัก

        ตั้งติดกับกำแพงเมืองด้านนอกฝั่งทิศตะวันตก พื้นที่วัดมีบริเวณกว้างขวางวางขนานไปกับคูเมืองตั้งแต่ป้อมประตูเมืองเชียงแสน จนถึงป้อมประตูหนองมูต ภายในวัดมีโบราณสถาน 7 แห่ง แต่ละแห่งล้วนเป็นฮิฐส่วนฐานของสิ่งปลูกสร้างกับแนวอิฐที่บ่งบอกแนวสิ่งก่อสร้างนั้นๆ มีอยู่สิ่งเดียวที่ยังคงสมบูรณ์ที่สุดคือเจีดย์ประธานทรงปราสาทยอดทรงระฆังแบบห้ายอด มีลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม เจดีย์นี้สร้างโดยพญาแสนภู เมื่อ พ.ศ. 1883 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระพุทธโฆษาจารย์ได้อัญเชิญมาจากอินเดีย หลังจากสร้างวัดแล้วได้ปลูกต้นสักล้อมรอบกำแพงจำนวน 300 ต้น จึงได้เรียกชื่อว่าวัดป่าสัก

*********************************************

วัดพระเจ้าล้านทอง
          ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงแสน เยื้องขึ้นมาจากวัดเจดีย์หลวงประมาณ 400 เมตร ด้านหน้าเป็นพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ซึ่งเรียกว่า พระเจ้าล้านทอง วัดนี้ตามตำนานระบุว่าสร้างราว พ.ศ. 2032 โดยพระยาศรีรชฎเงินกอง พระโอรสของพระเจ้าติโลกราชกษัตริย์เชียงใหม่ เมื่อสร้างวัดขึ้นแล้วได้เททองหล่อพระประธานเป็นพระพุทธรูปสำริดหนัก 1,200 กิโลกรัม เรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าพระเจ้าล้านทอง เป็นที่มาของชื่อวัดพระเจ้าล้านทอง ปัจจุบันพระอุโบสถกำลังซ่อมแซมจึงยังไม่เห็นความงดงามและไม่สามารถเข้าไปในพระอุโบสถได้ ด้านหลังเป็นเจดีย์


*********************************************

ทะเลสาบเชียงแสน
        เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเมืองเชียงแสนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองเชียงแสน ห่างจากตัวเมือง 4 กิโลเมตร มีชื่อเรียกท้องถิ่นว่า หนองบงคาย เป็นหนองน้ำธรรมชาติที่มีขนาดไม่มากใหญ่นัก

*********************************************

วัดพระธาตุผาเงา
         ตั้งอยู่นอกเมืองเชียงแสนไปตามเส้นทางเลาะแม่น้ำโขงสายเชียงแสน - เชียงของ ห่างจากตัวเมืองเชียงแสน 4 กิโลเมตร หากไปจากตัวเมืองเชียงแสน วัดพระธาตุผาเงาตั้งอยู่ทางด้านขวามือประมาณหลักกิโลเมตรที่ 48 และ 49 จุดเด่นของวัดพระธาตุผาเงาคือองค์พระธาตุผาเงาที่ตั้งประดิษฐานอยู่บนก้อนหินหลังพระอุโบสถ ลักษณะเดียวกับเจดีย์พระธาตุอินแขวนของพม่า

*********************************************





อำเภอ..เวียงป่าเป้า

อุทยานแห่งชาติขุนแจ
        อยู่บริเวณรอยต่อระหว่างอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ กับอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย อุทยานแห่งชาติขุนแจประกอบด้วย ดอยลังกาหลวง ลังกาน้อย ดอยมด ดอยผาโง้ม ดอยลังกาหลวงเป็นยอดดอยที่สูงเป็นอันดับ 5 ของไทย นอกจากนี้ยังมีดอยผ้าโง้มที่มีทัศนียภาพที่งดงาม มีดอยลังกาน้อยเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง ลักษณะการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติขุนแจเป็นการท่องเที่ยวแบบเดินป่า กางเต็นท์นอนในป่า เส้นทางเดินต้องเดินบนสันดอยเกือบตลอดเส้นทาง ระหว่างทางเดินวิวสวย มีดอกกุหลาบดอยลังกาหลวงที่สวยงามเป็นดอกไม้เฉพาะถิ่นมีให้เห็นเฉพาะที่นี่ที่เดียว บนดอยมีลำธารให้นักท่องเที่ยวได้อาบได้ใช้เพื่อการดำรงชีวิต หากสนใจไปเที่ยวสถานที่แห่งนี้ติดต่อได้ที่ อุทยานแห่งชาติขุนแจ ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ. เวียงป่าเป้า จ. เชียงราย


***********************************************
 
ดอยมด
      อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนแจ แต่อยู่คนละฝั่งกับดอยลังกาหลวงโดยมีถนนทางหลวงแผ่นดินสาย  ๑๑๘ กั้น หากขึ้นไปอยู่บนยอดดอยลังกาหลวงก็จะเห็นยอดดอยมด เมื่ออยู่บนยอดดอยมดก็จะเห็นยอดดอยลังกาหลวง การติดต่อและการเดินทางเหมือนหัวข้อข้างบนทุกประการ
มีความหนาแน่นของป่าดิบชื้นระหว่างทางเดินขึ้นสู่ยอดดอยมด มีพืชขึ้นหลายชนิด เช่น กล้วยไม้ดิน เฟิร์น มอส และพืชอื่นๆ ร่มรื่นและชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา บนยอดดอยที่ระดับความสูง 1,700 เมตร มีป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ ดอยมดสามารถเดินป่าได้โดยใช้เวลา 2 วัน 1 คืน

***********************************************

อำเภอ..แม่สาย

แม่สาย
     เป็นอำเภอที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย ติดกับพรมแดนประเทศพม่าโดยมีแม่น้ำรวกแบ่งเขตแดน มีสะพานข้ามระหว่างฝั่งไทยและพม่า ทั้งสองฝั่งเป็นที่ตั้งของด่านตรวจคนเข้าเมืองของทั้งสองประเทศ ตัวเมืองแม่สายอย่างห่างจากตัวเมืองเชียงราย 62 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางหลวงหมาลเลข 110 ไปจนเกือบสุดถนนเป็นทั้งตั้งของที่ทำการอำเภอแม่สาย ห่างขึ้นไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรคือตลาดชายแดนแม่สาย ห่างตรงผ่านด่านตรงขึ้นไปก็จะเข้าประเทศพม่าไปยังเมืองเชียงตุงของพม่า ผ่านเมืองลาเมืองปกครองพิเศษ แล้วเข้าไปยังเมืองเชียงรุ่ง สิบสองปันนาของจีน แม่สายมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันไม่ขาดสายทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ขับรถลงมาจากเมืองเชียงรุ่ง แขวงสิบสองปันนา


ตลาดฝั่งไทยเป็นที่ขายสินค้าซึ่งส่วนใหญ่มาจากจีนโดยขนส่งมาทางเรือแล้วมาขึ้นที่ท่าเรือเชียงแสน สินค้าของฝากจำพวกผลไม้อบแห้ง เห็นหอมแห้ง ขนมต่างๆ และยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนเรื่องคุณภาพนั้นบางคนก็บอกว่าเป็นสินค้าไม่มีคุณภาพ แต่ผมก็ไม่สามารถเขียนลงในสื่อได้ว่าคุณภาพดีหรือไม่ดี ก็แล้วแต่ละท่านจะเลือกซื้อและพิจารณากันเอง



 
********************************************************
 
พระธาตุดอยเวา
          ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สาย ก่อนถึงชายแดนแม่สายประมาณ 100 เมตร บนดอยริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย ตามประวัติกล่าวว่า พระองค์เวาหรือเว้าผู้ครองนครโยนกนาคพันธุ์ เป็นผู้สร้างเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุองค์หนึ่งเมื่อ พ.ศ. 364 นับเป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่งรองมาจากพระบรมธาตุดอยตุง นอกจากนี้บนดอยเวายังเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ของอำเภอแม่สาย และท่าขึ้เหล็กทางฝั่งพม่าได้อย่างชัดเจน สามารถนำรถขึ้นไปจนถึงพระธาตุได้
 
********************************************************
 

ถ้ำผาจม
        ตั้งอยู่หมู่1 ตำบลแม่สาย อยู่ห่างจากตำบลแม่สาย ไปทางทิศเหนือประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถ้ำผาจมตั้งอยู่บนดอย อีกลูกหนึ่งทางทิศตะวันตกของดอยเวา ติดกับแม่น้ำสาย เคยเป็นสถานที่ซึ่ง พระภิกษุสงฆ์นั่งบำเพ็ญเพียรภาวนา เช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ปัจจุบันมีรูปปั้นพระอาจารย์มั่น ภูริตโต ประดิษฐานไว้บนดอยด้วย ภายในถ้ำผาจมมี หินงอกย้อยอยู่ตามผนังและเพดานถ้ำ สวยงามวิจิตรตระการตา



















********************************************************
ถ้ำปลา
       เป็นถ้ำหนึ่งที่มีน้ำไหลภายในถ้ำ เคยมีปลาชนิดต่างๆ ทั้งใหญ่น้อยว่ายออกมาให้เห็นเป็นประจำ ภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปศิลปะพม่า สร้างขึ้นโดยพระภิกษุชาวพม่า ประชาชนทั่วไปเรียกว่า พระทรงเครื่อง เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนในแถบนี้
********************************************************

ถ้ำเสาหินพญานาค
          เป็นถ้ำที่อยู่ปลายสุดของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ หมู่ที่ 3 บ้านถ้ำปลา การเดินทางไปถ้ำนี้สามารถไปได้ ทั้งทางน้ำและทางบก โดยการเดินลัดเลาะตามขอบอ่างเก็บน้ำทางทิศใต้ปากถ้ำวัดความกว้างได้ ประมาณ 4.70 เมตรสูงประมาณ 2.40 เมตรลักษณะของถ้ำเป็นโพรงสูงขึ้นในแนวดิ่งหินงอกมีลักษณะเป็นแท่ง ๆ ซ้อนกันคล้ายเสาบ้านชาวบ้านจึงเรียกถ้ำนี้ว่า ถ้ำเสาหิน ซึ่งมีลักษณะเป็น 3 ชั้น

********************************************************

อำเภอ..แม่จัน

ดอยแม่สลอง
         เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านสันติคิรี เดิมชื่อบ้านแม่สลองนอก เป็นชุมชนผู้อพยพจากกองพล ๙๓ ซึ่งอพยพจากประเทศพม่าเข้ามาในเขตไทย จำนวนสองกองพันคือ กองพันที่ ๓ เข้ามาอยู่ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และกองพันที่ ๕ อยู่ที่บ้านแม่สลองนอก ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๔ ในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งเป็นซากุระพันธุ์ที่เล็กที่สุด สีชมพูอมขาว จะบานสะพรั่งตลอดแนวทางขึ้นดอยแม่สลอง เป็นพันธุ์ไม้ที่หาชมได้ยากในเมืองไทย เพราะเจริญเติบโตอยู่แต่เฉพาะในภูมิอากาศหนาวจัดเท่านั้น



******************************************************

พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินฯ
         เป็นเจดีย์สีขาวงามสง่าตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของดอยแม่สลอง ชื่อว่า พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ทางขึ้นอยู่เลยบริเวณหมู่บ้านเพียงเล็กน้อย มีทางแยกขึ้นเขา ทางขึ้นเป็นทางชันมาก หากรถสภาพไม่ดีหรือรถดีแต่คนขับไม่เก่งไม่สมควรขึ้น บริเวณจอดรถมีไม่มาก ด้านทิศตะวันออกหรือด้านหลังของเจดีย์เป็นที่ตั้งของพระอุโบสถ์ที่สวยงาม เมื่ออยู่บนจุดนี้มองลงไปยังเบื้องล่างจะเห็นวิวที่สวยงามที่สุดของทุกมุมมองของดอยแม่สลอง

******************************************************

ทุ่งบัวตองดอยหัวแม่คำ
         ชมทุ่งบัวตองบานท่ามกลางหมู่บ้านชาวเขา ดอยหัวยแม่คำเป็นหมู่บ้านชาวไทยภูเขาหลายเผ่า ในแต่ละหมู่บ้านมีบ้านในรูปแบบของตนเองปลูกอยู่ตามที่ราบไหล่เขา และมีบัวตองกระจายอยู่ทั่วไปตามหมู่บ้าน ในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะออกดอกสีเหลืองไปทั่วดอย นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชมดอกบัวตองแล้วยังได้ชมวิถีชีวิตของชาวเขาอีกด้วย


 
******************************************************

หมู่บ้านชาวอาข่าหล่อชา
       เป็นหมู่บ้านชาวเขา เป็นโครงการนำร่องของ โครงการหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยชุมชนมีส่วนร่วม ภายในหมู่บ้านนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตประจำวันตามวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า ชมหมู่บ้านชาวอาข่าในแบบเดิมๆ ที่ไม่ได้เสริมแต่งเพื่อการท่องเที่ยว หากมีเวลาน่าแวะไปเยี่ยมชม หมู่บ้านหล่อชา อยู่ในเขตอำเภอแม่จัน เลยจากลานทองวิลเลจเล็กน้อย จากลานทองวิลเลจ เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1089 แม่จัน-ท่าตอน ผ่านป้อมตำรวจตรงไปอีก 1 กิโลเมตรถึง

          

******************************************************

อำเภอ..พาน

พระธาตุจอมแว่

          อยู่บนภูเขาจอมแว่ หมู่ที่ 2 ถนนจอมแว่ (สายเก่า) ตำบลเมืองพาน เป็นพระธาตุที่มีประชาชนชาวอำเภอพานและอำเภอใกล้เคียงนับถือกันว่าเป็นพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถึงเดือน 9 ขึ้น 15 ค่ำ จะมีงานนมัสการองค์พระธาตุทุกปี

**************************************************

อุทยานแห่งชาติดอยหลวง

           มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอแม่สรวย อำเภอพาน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และอำเภอแม่ใจ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา มีเนื้อที่ ๗๓๑,๒๕๐ ไร่ สภาพภูมิประเทศเป็นเขาสูง มีดอยหลวงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ประกอบด้วยป่าสน ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์มีความอุ้มน้ำสูง ทำให้ลำห้วยและน้ำตกในอุทยานฯ มีน้ำไหลตลอดปี อุทยานฯ ยังมีสัตว์ป่า เช่น หมี กวาง เก้ง เลียงผา และนกหลายชนิด เช่น นกเงือก นกพญาไฟพันธุ์เหนือ นกปีกลายสก๊อต นกกางเขนหัวขาวท้ายแดง นกศิวะปีกสีฟ้า และนกย้ายถิ่นหายาก เช่น นกกินปลีหางยาวคอสีฟ้า นกกินปลีหางยาวคอสีดำ เป็นต้น นอกจากความสมบูรณ์ของป่าที่ให้ความร่มรื่น ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ มี น้ำตกปูแกง สูง ๙ ชั้น เป็นน้ำตกที่มีต้นน้ำจากน้ำซับใต้ดิน มีตะกอนหินปูนปนมากับน้ำ ทำให้เกิดหินงอกหินย้อยดูสวยงาม และในยามค่ำคืนจะได้ยินเสียงน้ำตกไหลกระทบหิน อุทยานฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกปูแกง ระยะทาง ๑,๕๐๐ เมตร

**************************************************

อำเภอ..เทิง

ภูชีฟ้า
         เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่นของจังหวัดเชียงราย อยู่ในพื้นที่เขตอำเอภอเทิง ยอดภูชี้ฟ้าตั้งอยู่บนเทือกเขาสุดเขตชายแดนฝั่งตะวันออกติดกับชายแดนประเทศลาว ห่างจากอำเภอเทิงประมาณ 35 กิโลเมตร ภูชี้ฟ้ามีลักษณะเป็นหน้าผามีปลายยอดแหลมชี้เข้าไปยังฝั่งประเทศลาว สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๑,๖๒๘ เมตร บนยออดภูชี้ฟ้าเป็นจุดชมวิว และจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ในตอนเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมในหุบเขาเบื้องล่าง มีพระอาทิตย์ขึ้นผ่านพ้นทะเลหมอก เป็นความสวยงามที่นักท่องเที่ยวพากันไปรอชมตั้งแต่ยังไม่สว่าง บริเวณไหล่เขาของภูชี้ฟ้าเป็นทุ่งหญ้า แซมด้วยทุ่งโคลงเคลงที่มีดอกสวยงามในช่วงฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว บริเวณที่ราบไหล่เขาของถนนสายภูชี้ฟ้าเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทและบ้านพักหลายรายเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปเที่ยวและพักค้างแรมในบรรยากาศที่หนาวเย็น ปัจจุบันนี้ภูชี้ฟ้าอยู่ในความดูแลของวนอุทยานภูชี้ฟ้า ูชี้ฟ้าเป็นดอยเดียวที่ชื่อว่าภู จริงแล้วจะต้องชื่อว่าดอยชี้ฟ้าตามคำเรียกของทางเหนือ แต่ว่าภูชี้ฟ้าเป็นชื่อที่คนต่างถิ่นไปตั้งชื่อ จึงมีเรียกว่าภู


******************************************************************

ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงดอยผาหม่น
           เป็นศูนย์ส่งเสริมการเพาะปลูกดอกไม้เมืองหนาว มีดอกไม้เมืองหนาวสวยๆ หลายชนิดมีทั้งปลูกในโรงเรือนและปลูกลงแปลงกลางแจ้ง นอกจากดอกไม้เมืองหนาวสวยๆ แล้วภายในศูนย์เกษตรยังมีทัศนียภาพที่สวยงาม ศูนย์เกษตรแห่งนี้เปิดให้ต้อนรับให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่การไปชมศูนย์เกษตรไม้เมืองหนาวแห่งนี้ต้องเข้าใจไว้อย่งหนึ่งว่าที่นี่เป็นศูนย์เกษตรปลูกพืชเพื่อการทดลองมิใช่ปลูกประดับไว้ให้นักท่องเที่ยวชม จะให้สวยงามอย่างสวนดอยตุงนั้นไม่ได้ จะให้สวยเหมือนแปลงไม้ประดับที่อ่างขางไม่ได้ ที่นี่มีนักท่องเที่ยวผ่านมาแวะชมน้อยและไม่ได้เก็บค่าเข้าชม ดังนั้นจึงไม่มีงบประมาณที่จะปลูกให้สวยงามเหมือนที่อื่น หากนักท่องเที่ยวไปในช่วงที่แปลงไม้ดอกกำลังออกดอกก็จะเห็นความสวยงาม หากไปในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยวจะไม่สวยงาม ดังนั้นหากใครจะแวะไปต้องทำใจเรื่องนี้ด้วย สวยน่ะสวยแน่แต่ไม่เริดอย่างที่อยากจะเห็น ที่บอกไว้เพราะบางท่านเห็นแล้วร้องยี้ แล้วบอกว่า มาทำไมเนี่ย สวยสู้ดอยตุงก็ไม่ได้


******************************************************************

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

อำเภอ..แม่ฟ้าหลวง


 
พระธาตุดอยตุง
         เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คูบ้านคู่เมืองเชียงราย ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของดอยตุง เป็นเจดีย์แห่งแรกของล้านนา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอุชุตราช ราวปี พ.ศ.1454 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากอินเดีย แต่เดิมนั้นมีพระธาตุองค์เดียว ต่อมาในสมัยพญมังรายแห่งราชวงค์มังรายได้สร้างพระธาตุขึ้นอีกองค์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหาวชิรโพธิเถระนำมาถวาย พระธาตุจึงมีสององค์ พระธาตุทั้งสององค์มีสภาพชำรุดทรุดโทรมจึงได้บูรณะขึ้นใหม่โดยการสร้างพระธาตุองค์ใหม่ครอบพระธาตุองค์เดิมในปี พ.ศ. 2516 พระธาตุดอยตุงในปัจจุบันจึงดูมีสภาพใหม่และสวยงาม การเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ควรแต่งกายสุภาพเหมาะสมกับสถานที่ :ซึ่งเป็นที่เคารพของคนในท้องถิ่นถือ การแต่งกายแบบเซ็กซี่เป็นความไม่เหมาะสม ควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อยถึงแม้จะไปเพียงแค่ไปถ่ายรูปก็ตาม

******************************************************************
พระตำหนักดอยตุง
           เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า มีพิธีลงเสาเอกเมื่อ 23 ธันวาคม 2530 ปลูกแบบง่ายๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระตำหนักสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยมีโครงเหล็กอยู่ภายใน ไม้ในการสร้างเป็นไม้ลังใส่สินค้าที่การท่าเรือฯ คลองเตย ทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จย่า เมื่อสร้างออกมาแล้วสวยงามยิ่งนัก รูปแบบการสร้างเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมล้านนากับบ้านพื้นเมืองสวิตเซอร์แลนด์ ที่เพดานห้องโถงทำเป็นเพดานดาว บริเวณด้านหลังพระตำหนักมีระเบียงยืนออกไป เมื่อยืนที่ระเบียงจะเห็นทัศนียภาพของดอยตุงที่สวยงาม บริเวณขอบระเบียงมีกระบะปลูกไม้ดอกที่มีสีสันสวยงาม พระตำหนักเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าทุกวัน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมภายในพระตำหนักได้โดยจะต้องมีมัคคุเทศก์ของพระตำหนักเป็นผู้นำเยี่ยมชม

******************************************************************

สวนดอยตุง
        เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวบนพื้นที่ 25 ไร่ อยู่ในแอ่งที่ราบด้านทิศเหนือของพระตำหนัก สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี กลางสวนมีประติมากรรมเด็กยืนต่อตัว งานประติมากรรมนี้ได้รับพระราชทานชื่อว่า " ความต่อเนื่อง " นอกจากแปลงไม้ประทับกลางแจ้งแล้วยังมีโรงเรือนไม้ในร่ม จุดเด่นคือกล้วยไม้จำพวกรองเท้านารีชนิดต่างๆ ที่มีดอกสวยงามมาก ความภาพความสวยงามของสวนแม่ฟ้าหลวง

******************************************************************
เที่ยวสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง
          ตั้งอยู่บนดอยช้างมูบ ห่างจากพระตำหนักดอยตุงไปทางด้านพระธาตุดอยตุงประมาณ 7 กิโลเมตร บริเวณนี้แต่เดิมเรียกว่าดอยช้างมูบ มีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรมเพราะถูกทำลายเพื่อทำไร่เลื่อยลอย ในบริเวณนี้มีทัศนียภาพที่งดงาม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้ทำการปรับปรุงพื้นที่ปลูกป่าและได้สร้างสวนรุกชาติขึ้นในพื้นที่ 250 ไร่ ได้รวบรวมพันธุ์ไม้สวยงามไว้หลายชนิด โดยเฉพาะอยางยิ่งพันธุ์ไม้จำพวกกุหลาบฟันปีมีปลูกไว้จำนวนมาก ไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่จะมีกุหลาบฟันปีหลากหลายสายพันธุ์เท่ากับสวนรุกชาติแห่งนี้ ในฤดูหนาวจะออกดอกสวยงามมาก นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวที่เห็นวิวที่สวยงามอีกด้วย แต่น่าเสียดายเพราะนักท่องเที่ยวไม่ค่อยจะได้มีโอกาสมาแวะกันเพราะบางส่วนไม่รู้จัก บางส่วนมากับทัวร์แล้วทัวร์พาเที่ยวแว๊บๆ ไม่มีเวลา

******************************************************************